Sculptra & Radiesse

Sculptra คืออะไร?

 

อนุภาคของสาร Poly-L-Lactic (PLLA) จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator คือเป็นสารฉีดกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนของตัวเราเองตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวโดยทำให้ผิวยกกระชับ และปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น

*** Sculptra คือ collagen stimulator ตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองจาก USFDA  ***

ในร่างกายคนเราประกอบด้วย คอลลาเจนหลากหลายชนิด ซึ่งชนิดที่สำคัญและเราสามารถพบได้บ่อยมีด้วยกัน 5 ชนิด คือ

  1. Collagen Type I : เป็นคอลลาเจนชนิดที่มีมากที่สุดในร่างกาย เป็นโครงสร้างให้กับผิวหนัง ผนังหลอดเลือด เส้นเอ็น มีความเหนียวและแข็งแรง ช่วยให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นและคงรูปร่างได้ ปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด ในผิวหนังจะมีคอลลาเจนชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียน
  2. Collagen Type II : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบมากในกระดูกอ่อน เช่น กระดูกอ่อนใบหู กระดูกซี่โครง หลอดลม มีหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงกับข้อต่อต่าง ๆ ขณะที่มีการเคลื่อนไหว ดูดซับแรงกระทบไม่ให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ
  3. Collagen Type III : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบได้น้อย ส่วนใหญ่จะทำงานร่วมกับ Collagen Type I พบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด
  4. Collagen Type IV : เป็นคอลลาเจนที่มีความเฉพาะตัว พบใน ชั้นเยื่อรับรองผิว (Basement membrane) ของอวัยวะต่าง ๆ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนสารระหว่างชั้นเนื้อเยื่อ ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
  5. Collagen Type V : เป็นคอลลาเจนชนิดที่อยู่ในเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ เช่น ในกระจกตา ทำงานร่วมกับคอลลาเจนในผิวหนัง ผม เล็บ และพบมากในเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์และรก ช่วยให้เซลล์ผิวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบและการเจริญของเส้นใยในชั้นผิว

Sculptra มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?

  • Sculptra ถูกผสมด้วย sterile waterถูกฉีดในผิวหนังชั้นลึก Subcutaneous
  • ผิวจะดูเติมเต็มทันทีหลังการฉีด Sculptra เนื่องจากปริมาตรน้ำที่ฉีดเข้าไป
  • หลังจากฉีด 2-3 วัน น้ำและส่วนประกอบต่างๆ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยจะเหลือเพียงแค่อนุภาคของ Sculptra ทำให้อาจจะเห็นร่องลึก ริ้วรอยกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
  • อย่างไรก็ตาม Sculptra จะเริ่มกระตุ้นผ่านระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกายโดยดึงเซลล์Macrophages มาล้อมรอบ อนุภาคของ Sculptra จำนวนมาก และมีการส่งสัญญาณให้เซลล์ Fibroblast เข้ามารวมตัวกันมากขึ้น
  • Fibroblast เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของโครงสร้างผิวหนัง จึงทำให้ผิวมี ความแข็งแรง และกระชับ
  • เมื่อเวลาผ่านไป, อนุภาคของ Sculptra จะค่อยๆหายไป เหลือเพียงเส้นใยคอลลาเจนที่มาสะสมแทน และฟื้นฟูความแข็งแรงโครงสร้างผิวหนังในระยะยาว
  • ช่วยยกกระชับใบหน้าและฟื้นฟูคุณภาพผิว ยาวนาน 25 เดือน
  • เป็นการกระตุ้นและการสร้างคอลลาเจน Type 1 Sculptra สามารถฟื้นฟูสภาพผิวที่หย่อนคล้อย ขาด Volume ช่วยทำให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์มากขึ้น

ผลลัพธ์ของการฉีด Sculptra

ผลลัพธ์หลังการฉีดโปรแกรม Sculptra จะค่อยๆ เห็นผลที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากการฉีดประมาณ 2 – 3 สัปดาห์เป็นต้นไป โดยจากผลการวิจัยผลิตภัณฑ์ Sculptra พบว่าจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen type1 สูงถึง 66.5%หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่ง collagen type 1 ที่เป็นคอลลาเจนที่ทำให้ผิวหน้าสวย ไร้ริ้วรอย และดูดีขึ้นนั้นจะเป็นคอลลาเจนที่สร้างขึ้นจากชั้นใต้ผิวของเราเอง จึงเป็นคอลลาเจนที่ดีที่สุดที่ร่างกายของเราต้องการมากที่สุดเช่นกัน

การรักษาด้วยโปรแกรม Sculptra กี่ครั้ง จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพอใจ ?

โดยทั่วไปควรจะทำโปรแกรม Sculptra จำนวน 2 – 3 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและได้ผิวที่สวยเป็นที่น่าพอใจ

การทำโปรแกรม Sculptra ควรฉีดห่างกันแต่ละครั้งนานเท่าไร ?

เว้นระยะหลังจากการฉีดในแต่ละครั้งประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนานและให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

โปรแกรม Sculptra เหมาะกับใครบ้าง ?

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่ผิวไม่เต่งตึงเหมือนตอนวัยเยาว์ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์
  • ผู้ที่ผิวขาดความยืดหยุ่นไม่กระชับ
  • ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด
  • ผู้ที่มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดซึ่งเกิดขึ้นตามวัย
  • ผู้ป่วยที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างยาวนาน

ใครไม่เหมาะกับการทำโปรแกรม Sculptra ?

  • ผู้ที่มีประวัติการเกิดคีลอยด์หรือมีแผลเป็นนูน
  • ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเกิดการอักเสบในตำแหน่งที่ทำ
  • ในระหว่างตั้งครรภ์ ให้นมบุตร

วิธีการเตรียมตัว ก่อนเข้ารับการทำโปรแกรม Sculptra

  • ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาด้วยโปรแกรม Sculptra
  • ไม่ควรฉีดหรือทำการรักษาใบหน้าหรือผิวหน้าด้วยหัตถการชนิดอื่นๆ 2 – 4 สัปดาห์
  • หยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่มยาแอสไพริน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดเพื่อป้องการอาการพกช้ำ
  • งดวิตามินที่เป็นสาเหตุทำให้เลือดหยุดไหลยากเช่น วิตามินอี น้ำมันปลาเป็นต้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • ผู้มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือมีความกังวลใจควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนเข้าทำโปรแกรม Sculptra
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนเข้าทำโปรแกรม Sculptra
  • ดูแลสุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติแข็งแรงดี

วิธีดูแลตัวเองหลังจากการรักษาด้วยโปรแกรม Sculptra ?

  • หลังจากการฉีดคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ไม่จําเป็นต้องนอนพักฟื้น หากมีอาการเจ็บสามารถประคบเจลเย็นบริเวณที่ทำโปรแกรม Sculptra ได้
  • เพื่อช่วยลดอาการบวมควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การอบซาวน่า การอบไอน้ำเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง
  • ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดและแสงยูวีจนกว่าอาการบวมและแดงที่มีจะหายไป
  • ไม่ควรเข้ารับบริการหัตถการชนิดอื่นๆ หลังจากเข้ารับบริการโปรแกรม Sculptra ประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • หลังจากเข้ารับบริการโปรแกรม Sculptra ควรนวดบริเวณที่ฉีดเพื่อให้ สาร PLLA กระจายตัวไปทั่วบริเวณใบหน้าและช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่ทำโปรแกรม Sculptra

Radiesse

RADIESSE® คืออะไร?

RADIESSE® คือ สารเติมเต็ม CaHA (Calcium Hydroxylapatite microsphere) เป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกาย โดยจะพบได้ในเนื้อเยื่อกระดูกและฟัน แต่ CaHA ที่เป็นส่วนประกอบประกอบหลักของ Radiesse จะผลิตด้วยวิธีการสังเคราะห์ ทำให้ได้ CaHA microsphere (คา-ฮ่า ไมโครสเฟียร์ ) ที่เหมือนกับสารที่มีอยู่ในร่างกาย มีลักษณะเป็นทรงกลมขนาดอนุภาคสม่ำเสมอ 25-45 ไมครอน ที่ใช้เติมเข้าไปในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน และเป็นเสาเข็มให้เซลล์ผิวใหม่มีที่ยึดเกาะ ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง มีโครงสร้างผิวที่แข็งแรง

โปรแกรม Radiesse Filler จัดเป็น ฟิลเลอร์ที่ช่วยกระตุ้นใต้ผิวหนังจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างครบถ้วนทั้ง 5 ประการ

  1. ช่วยเพิ่ม 150% Collagen type 1 I เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ป้องกันเนื้อเยื้อไม่ให้ฉีกขาด และช่วยสมานแผลบนผิวหนังได้ดี
  2. ช่วยเพิ่ม 130% Collagen type 3 III กระตุ้นคอลลาเจน Type lll ที่มีน้อยลงตามวัยให้มากขึ้น ช่วยเรื่องความยืดหยุ่นดีเยี่ยม ช่วยให้ผิวดูนุ่มเนียน เต่งตึงเหมือนเด็กอีกครั้ง
  3. ช่วยเพิ่ม 260% Elastin ติดสปริงให้ผิว กระตุ้นโครงสร้างสำคัญที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ปรับโครงสร้างผิวแข็งแรง ไม่เป็นร่องเหี่ยวย่น
  4. ช่วยเพิ่ม Proteoglycan สารน้ำหล่อเลี้ยงผิว เร่งการสร้างคอลลาเจนและกรดไฮยาลูรอนิค เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวทำให้ผิวเต่งตึง มีน้ำมีนวล และยืดหยุ่น
  5. ช่วยเพิ่ม Angiogenesis สารอาหารหล่อเลี้ยงผิว การสร้างหลอดเลือดเล็กใต้ชั้นผิว ทำให้สารอาหารลล่อเลี้ยงไปที่ผิวได้ดี ผิวสุขภาพดีมีเลือดฝาด

ประสิทธิภาพ 5 ประการดังกล่าวนี้ส่งผลให้ โปรแกรม Radiesse fille ช่วยมอบถึง 3 ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าให้กับผู้ใช้บริการ คือ

  1. Healthier โปรแกรม Radiesse filler ช่วยให้มีสุขภาพผิวที่ดีมากยิ่งขึ้นขึ้น
  2. Younger โปรแกรม Radiesse filler ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ลง คืนความเด็กให้อีกครั้ง
  3. Longer โปรแกรม Radiesse filler ช่วยยืดอายุของผิวให้คงผลลัพธ์ยาวนานถึง 2 ปี

ในร่างกายคนเราประกอบด้วย คอลลาเจนหลากหลายชนิด ซึ่งชนิดที่สำคัญและเราสามารถพบได้บ่อยมีด้วยกัน 5 ชนิด คือ

  1. Collagen Type I : เป็นคอลลาเจนชนิดที่มีมากที่สุดในร่างกาย เป็นโครงสร้างให้กับผิวหนัง ผนังหลอดเลือด เส้นเอ็น มีความเหนียวและแข็งแรง ช่วยให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นและคงรูปร่างได้ ปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด ในผิวหนังจะมีคอลลาเจนชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียน
  2. Collagen Type II : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบมากในกระดูกอ่อน เช่น กระดูกอ่อนใบหู กระดูกซี่โครง หลอดลม มีหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงกับข้อต่อต่าง ๆ ขณะที่มีการเคลื่อนไหว ดูดซับแรงกระทบไม่ให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ
  3. Collagen Type III : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบได้น้อย ส่วนใหญ่จะทำงานร่วมกับ Collagen Type I พบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด
  4. Collagen Type IV : เป็นคอลลาเจนที่มีความเฉพาะตัว พบใน ชั้นเยื่อรับรองผิว (Basement membrane) ของอวัยวะต่าง ๆ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนสารระหว่างชั้นเนื้อเยื่อ ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
  5. Collagen Type V : เป็นคอลลาเจนชนิดที่อยู่ในเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ เช่น ในกระจกตา ทำงานร่วมกับคอลลาเจนในผิวหนัง ผม เล็บ และพบมากในเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์และรก ช่วยให้เซลล์ผิวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบและการเจริญของเส้นใยในชั้นผิว

ผลลัพธ์ของการฉีด Radiesse®

  • เพิ่มคอลลาเจน 2 Type ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน 2 Type ในหนึ่งเดียว ทั้ง Type I และ Type III ซึ่ง เป็นคอลลาเจนที่เราต้องการมากที่สุดและเป็นคอลลาเจนที่พบได้ในผิวเด็ก
  • ได้วอลลุ่มผิวทันที เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 1 เดือนขึ้นไป
  • ไม่ต้องทำบ่อย ให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 2 ปี
  • ใช้หน้าได้เลย ไม่ต้องพักหน้านาน ไม่เกิดการอักเสบเพราะเป็นสารที่เป็นองค์ประกอบของร่างกายอยู่แล้ว
  • ริ้วรอยจางผิวตึงเฟิร์มแน่น คุณภาพผิวดีแบบ All in One
  • สลายได้เอง
  • 90% ชอบและกลับมาทำซ้ำ
  • ปลอดภัย ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล (EU, US & TH FDA) เป็นสารเติมเต็มที่แพทย์ทั่วโลกใช้มากว่า 20 ปี มีงานวิจัยมากกว่า 245 Publications

RADIESSE® ฉีดบริเวณใดได้บ้าง?

  • ร่องแก้ม : เส้นข้างแก้ม ซึ่งอาจเป็นร่องลึกขึ้นตามอายุ ซึ่งถ้ามีร่องเฉพาะเวลายิ้มจะไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าร่องเห็นเป็นรอยชัดในหน้าตรง ก็สามารถเติมเพื่อทำให้หน้าดูเด็กลง และทำให้ร่องตื้นขึ้นได้
  • ร่องน้ำหมาก : เส้นที่ลากจากมุมปากลงมาถึงบริเวณคาง เส้นนี้ถ้ามีจะทำให้ดูมีอายุ และถ้าเชื่อมไปกับร่องแก้มก็จะยิ่งเป็นปัญหาทำให้ดูอายุมากเป็นพิเศษ
  • หน้าแก้ม : บริเวณนี้มักขาดวอลุ่ม เมื่ออายุมากขึ้น การเติมเต็มบริเวณนี้จะช่วยยกกระชับ หน้าเด็กลง และทำให้ผิวดีขึ้นอีกด้วย
  • กรอบหน้า : สามารถใช้ Radiesse ช่วยทำให้กรอบหน้าคมชัดยิ่งขึ้น ช่วยให้หน้ากระชับขึ้น
  • ขมับ : Radiesse สามารถแก้ปัญหาขมับตอบ ที่ทำให้ดูมีอายุ
  • หลังมือ : มือเป็นอีกตำแหน่งที่ทำให้ดูมีอายุ จากการสูญเสียไขมัน ทำให้เห็นเส้นเอ็นและเส้นเลือดชัดเจน การเติมด้วย Radiesse ก็จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
  • เนินอก : Radiesse สามารถแก้ปัญหาผิวย่นบริเวณเนินอก ที่ทำให้ดูมีอายุ

*บริเวณที่ไม่แนะนำให้ฉีด คือ ริมฝีปาก เพราะจะทำให้เกิดเป็นตุ่มจากการกระตุ้นของ CaHA ได้ หากต้องการเติมริมฝีปาก แนะนำให้เป็นฟิลเลอร์แทนมากกว่า

RADIESSE® เหมาะกับใครบ้าง?

เหมาะกับ: คนที่อยากมีผิวเด็ก ต้องการเพิ่มคอลลาเจนและวอลลุ่มผิว โดยเฉพาะคนที่

  • ผิวหน้าเหี่ยวยับ มีเส้นริ้วรอยที่เห็นได้ชัด รวมถึงริ้วรอยร่องลึก
  • ผิวหย่อนคล้อย ย้อย ไม่กระชับ
  • อยากเติมคอลลาเจนผิว แล้วมีวอลลุ่มผิวเลย
  • คอเหี่ยว มือเหี่ยว ผิวเหี่ยวย่นตามส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย

การเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse®

  • งดวิตามิน อาหารเสริมและยาที่ทำให้เลือดแข็งตัว เช่น แปะก๊วย กระเทียม และ วิตามินอี
  • แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
  • งดสครับผิว รวมทั้งสกินแคร์ที่มีส่วนผสมผลัดเซลล์ผิวเพื่อป้องกันการอักเสบหลังฉีด

การดูแลหลังฉีด Radiesse®

  • หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ ซาวน่า อุณหภูมิสูง แสงแดดจัด 24 ชม
  • สามารถประคบเย็นได้ หากมีอาการบวมมาก ห้ามประคบร้อน
  • หลีกเลี่ยงยากลุ่มแอสไพริน หรือ NSAID อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ถ้ามีอาการปวดแนะนำทานพาราเซตามอล
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2 สัปดาห์
  • สังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น บวมมากผิดปกติ มีอาการแดงร้อนบริเวณที่ฉีด หรือปรึกษาแพทย์หากมีอาการไม่แน่ใจ

RADIESSE Plus program

รีเซ็ตกรอบหน้าชัด ดูคม มีมิติ

โปรแกรม Radiesse Plus คืออะไร?

Radiesse Plus Collagen Biostimulator หรือ Radiesse+ (เรเดียส พลัส) เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม สารฉีดสร้างโครงหน้า ที่มีสารประกอบหลักอย่าง แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite) มีคุณสมบัติช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้า ทำให้โครงหน้าคม ชัด มีมิติ

โปรแกรม Radiesse Plus มีหลักการทำงานอย่างไร?

Calcium Hydroxylapatite (CaHA) Microspheres : ไมโครสเฟียร์แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ที่ได้รับการรับรองเพื่อใช้ฉีดปรับแนวกราม กรอบหน้า ซึ่งหลังจากฉีด CaHA จะเริ่มทำงาน และจะเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงประมาณ 2-4 สัปดาห์ ด้วยการสร้างโครงหน้าด้วยกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย สร้างปริมาณความหนาแน่นของโครงสร้างผิวใหม่ขึ้นมา เกิดเป็นโครงหน้าที่คมชัดที่สร้างขึ้นมาจากร่างกายของเราเอง

โปรแกรม Radiesse Plus ต่างจากโปรแกรมฟิลเลอร์อย่างไร

Radiesse Plus จะมีความยืดหยุ่นสูง ฉีดแล้วยึดเกาะ อยู่กับที่ สร้างโครงได้ดี ฉีดได้บริเวณ Cheek bone (โหนกแก้ม) และ Jawline (กราม) ให้ผลลัพธ์หน้าคมชัด พุ่ง  มีมิติ ใช้ปริมาณการฉีดที่น้อยกว่า และให้ผลลัพธ์ยาวนาน 2 ปี

ส่วนฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นต่ำกว่า สามารถไหลได้ เหมาะกับบริเวณที่ต้องการการปั้นรูปหน้า เลือกใช้ได้หลากหลายบริเวณ และอาจใช้จำนวนเยอะกว่า หากต้องการแก้ไขปัญหาให้กรอบหน้าคมชัด มีมิติ ให้ผลลัพธ์ยาวนาน 1 ปี

จุดเด่นที่ทำให้ Radiesse Plus แตกต่างจากฟิลเลอร์

  • ช่วยยกกระชับ ให้โครงหน้าชัดทันที
  • สร้างโครงหน้าใหม่ ให้ผลลัพธ์ที่สวย คม ชัด อยู่ได้ยาวนาน 2 ปี
  • ได้รับรองจาก อย. 3 หน่วยงาน US EU TH FDA แพทย์ทั่วโลกใช้มานานกว่า 9 ปี และเป็นยาฉีดตัวแรกที่ได้รับรอง US FDA ในเรื่อง Jawline Treatment

Radiesse และ Radiesse Plus แตกต่างกันอย่างไร?

  • Radiesse คือ สารเติมเต็มชนิดไฮดรอกซีลาพาไทต์ CaHa (Calcium Hydroxyl apatite) มีลักษณะเป็นเจลเนื้อละเอียด มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเต่งตึง ริ้วรอยลดเลือน ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ไม่มีส่วนผสมของยาชา โดดเด่นในเรื่องของกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะกับคนไข้ที่ต้องการคุณภาพผิว กระตุ้นครบองค์ประกอบ 5 อย่างของผิว
  • Radiesse Plus คือ สารเติมเต็มชนิดไฮดรอกซีลาพาไทต์ CaHa (Calcium Hydroxyl apatite) เช่นเดียวกับ Radiesse แต่ความพิเศษคือมีการผสม Lidocaine ซึ่งเป็นยาชา ช่วยลดความเจ็บระหว่างการฉีด เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บ โดดเด่นในเรื่องของการปรับรูปหน้า เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้คมชัด พุ่ง มีมิติ

ผลลัพธ์ของการฉีด Radiesse Plus

  • ผลลัพธ์ที่แท้จริงจาก CaHa (Calcium Hydroxylapatite) จะเกิดใน 3-4 สัปดาห์
  • สามารถยกกระชับใบหน้าได้ในทันทีและให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี
  • ช่วยปรับโครงหน้า ให้กรอบหน้าคมชัด มีมิติ ตั้งแต่บริเวณโหนกแก้ม กรามถึงขากรรไกร

Radiesse Plus ฉีดบริเวณใดได้บ้าง?

  • โหนกแก้ม
  • กราม
  • ขากรรไกร

Radiesse Plus เหมาะกับใคร?

เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้า ให้มีกรอบหน้าคมชัด พุ่ง มีมิติ

  • Redefine อายุ 20-30 ปี กลุ่มที่โครงหน้าไม่ชัด ต้องการสร้างโครงหน้าให้คมชัด มีมิติ
  • Restoration อายุ 31- 65 ปี มีปัญหาโครงสร้างหน้ายุบ ชั้นกระดูกและไขมันยุบ ใบหน้าหย่อนคล้อย อยากมีกรอบหน้าที่คมชัด

ข้อจำกัดของ Radiesse Plus

  • Radiesse Plus ไม่สามารถฉีดเพื่อเพิ่มวอลลุ่มได้เหมือนกับ Radiesse รุ่นปกติ
  • Radiesse Plus ไม่สามารถฉีดเพื่อสร้างงานผิวได้

การเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse Plus

  • งดวิตามิน อาหารเสริมและยาที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว เช่น แปะก๊วย กระเทียม และ วิตามินอี
  • แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
  • งดสครับผิว รวมทั้งสกินแคร์ที่มีส่วนผสมผลัดเซลล์ผิวเพื่อป้องกันการอักเสบหลังฉีด

การดูแลหลังฉีด Radiesse Plus

  1. หลังจากการฉีด อาจสัมผัสได้ถึงตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเรืองปกติที่พบได้ ก้อนที่สัมผัสได้จะลดลงหลังจากฉีดไปแล้ว 2-4 สัปดาห์
  2. อาจมีอาการบวมได้เล็กน้อย อาการเหล่านี้เป็นอาการปกติของการฉีดและจะหายเองภายใน 72 ชั่วโมง
  3. หลีกเลี่ยงการจับ ลูบ แตะผิวหน้าในบริเวณที่ผิวหนังเปิด จนกว่าผิวหนังจะปิดสนิทดี
  4. งดการแต่งหน้าหลังฉีด 12 ชั่วโมง
  5. หากมีรอยซ้ำ แนะนำให้ประคบเย็นในวันแรกจากนั้นจึงประคบอุ่น โดยสามารถทา หรือ รับประทานยาที่ช่วยลดอาการซ้ำได้
  6. แจ้งแพทย์หากพบว่ามีความผิดปกติอื่นๆเกิดขึ้น
  7. ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ของแพทย์

บริการอื่นๆของเรา